ล่องแก่งศรีบรรพต
หากเอ่ยถึง”แก่งศรีบรรบต” เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะยังสงสัยว่าอยู่ที่ไหน
แต่สำหรับชาวบ้านในเขต จ.ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้
เนื่องจากการล่องแก่งศรีบรรพตในอดีตนั้น
เคยได้รับความนิยมสูงสุดจากบรรดากลุ่มนักท่องเที่ยววัยรุ่นในการผจญภัยกลางสายน้ำเชี่ยวซึ่งมีที่นี่เพียงแห่งเดียว
ในการเดินทางไปผจญภัยกับสายน้ำเชี่ยวกรากของแก่งศรีบรรพตนั้น
แม้จะมีจุดตั้งต้นได้หลายเส้นทาง
แต่เพื่อความสะดวกและปลอดภัยเราสามารถเริ่มต้นการเดินทางจากหน้าที่ว่าการอำเภอศรีสาคร
จังหวัดนราธิวาส ไปตามถนนลาดยางมะตอยที่คดเคี้ยว ลาดบ้างชันบ้าง
ริมถนนสองข้างทางเป็นป่าสวนผลไม้และสวนยางของชาวบ้านในพื้นที่
บางช่วงของถนนจะพบบ้านเรือนของชาวบ้านทั้งไทยพุทธและมุสลิมตั้งกระจายเป็นหย่อมๆ
ไม่ต่างจากเส้นทางเข้าไปสู่หมู่บ้านชนบทในจังหวัดอื่นๆ และเพียงแค่ 7 กิโลเมตรตามทางยาวของถนนสายนี้
จะเข้าสู่เขตตำบลศรีบรรพต อำเภอศรีสาคร ดินแดนแห่งการท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อ
ฮารง บือราเฮง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลศรีบรรพต
ย้อนที่มาของการล่องแก่งศรีบรรพตว่า แม่น้ำสายบุรีช่วงที่อยู่ในเขตตำบลศรีบรรพต
มีลำน้ำที่คดเคี้ยงและมีแก่งหินหลายๆช่วงหลายๆจุด
รวมไปถึงสภาพธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ที่สวยงามแห่งหนึ่ง
ทาง อบต.และอำเภอ จึงมีความเห็นร่วมกันที่จะจัดเป็นสถานที่ล่องแก่ง
ที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของอำเภอศรีสาครและจังหวัดนราธิวาสได้
ดังนั้น
โครงการล่องแก่งสันกาลาคีรีศรีสาคร จึงเริ่มขึ้นในปี 2543 ด้วยงบประมาณสนับสนุนจาก
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)ในสมัยนั้น
ร่วมกับงบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบลศรีบรรพต
และการสนับสนุนจากทางอำเภอศรีสาครและจังหวัดนราธิวาส
เพื่อจัดให้ล่องแก่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
นายก
อบต.ศรีบรรพต กล่าวว่า
หลังจากที่ได้งบประมาณได้เริ่มสร้างอาคารและซื้อเรือยางมาจำนวน 5 ลำ
พร้อมอุปกรณ์ ต่างๆ รวมไปถึงเสื้อชูชีพ โดยราคาเรือยางในขณะนั้นอยู่ที่ประมาณ
80,000 กว่าบาทต่อเรือยางหนึ่งลำ แต่ปัจจุบันทาง
อบต.ได้ซื้อเรือยางเพิ่มมาอีก 5 ลำ
เพราะเรือยางเดิมได้ชำรุดและไม่สามารถซ่อมแซมนำกับมาใช้ได้
“ค่าบริการลำละ
400 บาทต่อเที่ยวต่อลำหนึ่ง เรือลำหนึ่งจะบรรทุกนักท่องเที่ยวได้ประมาณ
6 คน
มีเจ้าหน้าที่ประจำเรือ 1 คน เส้นทางล่องแก่งมีความยาว 8 กม.
ใช้เวลาในการล่องแก่งประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
ล่องไปในแม่น้ำที่มีแก่งหินที่ท้าทายการล่องเรือ อย่าง “แก่งเสือดื้อ”
ที่ได้รับการขนานนามและเป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่เคยมาล่องแก่งอย่างมาก
เพราะเป็นแก่งหิน
ที่น้ำเชี่ยวและยากในการบังคับเรือยางเป็นอย่างมาก ”อารง กล่าว
เขาเล่าว่า
ในช่วงที่เปิดให้บริการล่องแก่งศรีบรรพตใหม่ๆ
ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักศึกษาจาก
มหาวิทยาลัยสงขลานัครินทร์วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา และประชาชนทั่วไป
มีทั้งมากันกลุ่มเล็กๆจนไปถึงคณะใหญ่ที่มากันเป็นรถบัส โดยผู้คนส่วนมากจะรู้จักล่องแก่งจากการบอกต่อกันของผู้ที่เคยมาท่องเที่ยว
รวมไปถึงรู้จักผ่านการประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
“ช่วงที่สามารถมาล่องแก่งได้คือเดือนมกราคม
– พฤษภาคม เพราะเป็นช่วงหน้าร้อน แต่ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวกันในช่วง
เมษายน – พฤษภาคม เป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นช่วงปิดเทอมของนักเรียน โดยในปี 2546
เป็นปีที่นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวมากที่สุด
จัดเก็บค่าบริการได้สูงถึง 4 แสนกว่าบาทเลยทีเดียว”อารง กล่าว
นายก
อบต.อธิบายว่า ทางองค์การบริหารส่วนตำบลฯจะมีรายได้จากอัตราค่าบริการ 400 บาทต่อลำต่อเที่ยว
โดยจำนวนนี้จะถูกแบ่งเก็บเป็นค่าไว้บำรุงซ่อมแซมอุปกรณ์จำนวน 120 บาทต่อลำ
ส่วนที่เหลือจะเป็นค่าตอบแทนให้เจ้าหน้าที่ และค่าน้ำมันรถในการไปรับนักท่องเที่ยว
หลังจากล่องแก่งจนถึงจุดหมายปลายทาง เพราะเจ้าหน้าที่ไม่มีเงินเดือนประจำ
และจะได้รับค่าตอบแทนเมื่อมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการเท่านั้น
ตั้งแต่ปี 2547
เป็นต้นมนักท่องเที่ยวลดลงมาก บางเดือนแทบไม่มีผู้เข้ามาใช้บริการเลย
เนื่องจากกลัวความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ทำให้กิจการล่องแก่ง
ซบเซารายได้ที่เป็นส่วนของการบำรุงซ่อมแซมก็ไม่มีเข้ามา
ทางอบต.ต้องจัดงบมาอุดหนุนในการบำรุงซ่อมแซม
อย่างไรก็ตามในช่วงต้นปี
2549 ที่ผ่านมา ทาง อบต.ร่วมกับอำเภอและจังหวัด
พยายามฟื้นฟูการท่องเที่ยวล่องแก่ง โดยได้จัดงบประมาณขึ้นมาซ่อมแซมจัดซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม
ปรับปรุงบริเวณอาคาร และสร้างห้องน้ำและศาลาเพิ่ม
เพื่อรองรับการท่องเที่ยวและได้ประชาสัมพันธ์เพื่อเชิญชวนในนักท่องเที่ยวเขามาท่องเที่ยวเหมือนในอดีตแล้ว
“ที่นี่ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่
ถ้าเปรียบกับพื้นที่อื่นๆแล้วความรุนแรงน้อยกว่านะ เขาไม่กล้ามาเที่ยว
เพราะอาจยังไม่เชื่อมั่นมั่นในการดูแลความปลอดภัย
คิดว่าหากไม่มีเหตุการณ์ความไม่สงบ ล่องแก่งสันกาลาคีรีศรีสาคร
คงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคนมาเที่ยวไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆแน่นอน
เพราะยังคงความสวยงามของธรรมชาติเอาไว้ได้สมบูรณ์ค่อนข้างมาก”นายกอบต.คนเดิม
กล่าว
ขณะที่มะซอรี
ยามา วัย 28 เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดเก็บอุปกรณ์ กล่าวว่า
เขาจะมีหน้าที่คอยต้องรับนักท่องเที่ยวและจัดเก็บอุปกรณ์ เรือโบ เสื้อชูชีพ
หมวกกันน็อค
ไม้พายและบ้างครั้งก็จะทำความสะอาดสถานที่รอบข้างนักท่องเที่ยวจะมากในช่วงโรงเรียนปิดเทอม
ช่วงนั้นเจ้าหน้าที่จะมีรายได้ดี
เพราะแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวมาจากที่ต่างๆจำนวนมาก
เขากล่าวว่า
ปีนี้ล่องแก่งจะปิดให้บริการให้กับนักท่องเที่ยวในช่วงเดือนรอมฎอนและช่วงฤดูฝนในลำคลองจะมีแม่น้ำมาก
แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่กล้าปล่อยให้ล่องแก่งกลัวเพราะกลัวจะเกิดอันตราย
อย่างไรก็ตามเชื่อว่า
หากไม่มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นในพื้นที่การล่อยแก่งในตำบลศีรบรรพต
คงจะมีคนมาเที่ยวมากกว่านี้ เนื่องจากพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
มีการล่องแก่งที่นี้ที่เดียว
“วันนี้มีนักท่องเที่ยวมาล่องแก่งเพียงลำเดียว
ซึ่งหมายความว่า ผมได้ค่าจ้างแค่ 50 บาท ไม่เหมือน 2 ปี
ที่แล้วที่ยังไม่เกิดเหตุการณ์ในช่องนั้นมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเยอะบางวันผมได้ค่าจ้าง
1,000 กว่าบาทต่อวัน”มะซอรี กล่าว
ด้านศุภชัย
ไชยวรรณ
ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลศรีบรรพต กล่าวว่า ล่องแก่งสันกาลาคีรีศรีสาคร
ยังถือเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวยังเดินทางมาได้ แม้ว่าเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
แต่เมื่อดูสถิติการเกิดความไม่สงบในเมืองเล็กๆอย่างอำเภอศรีสาคร
เกิดเหตุการณ์ขึ้นความไม่สงบขึ้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับอำเภออื่นๆ
เดือนที่ผ่านมาไม่มีเลยแม้แต่เหตุการณ์เดียว
จึงไม่ได้เป็นพื้นที่น่ากลัวอย่างที่หลายๆคนคิด
ผมอยากให้
ผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยและเที่ยวแบบธรรมชาติ เข้ามาเที่ยวที่ล่องแก่งกันมากขึ้น
เพราะราคาค่าบริการถูกกว่าสถานที่ท่องเที่ยวลักษณะเดียวกันในจังหวัดอื่นๆ
เมื่อนักท่องเที่ยวมาก ร้านค้าขายอาหารและสินค้าต่างๆ
ของชาวบ้านในพื้นที่ก็เกิดขึ้นตามมา
เป็นสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่อีกทางหนึ่งด้วย”ปลัดอบต.ศรีบรรพตทิ้งท้าย